หลายสิ่งหลายอย่างที่เราได้ทำงานตลอดในช่วง 3 ปีที่ผ่านมา หน้าที่หลักที่เราที่จะต้องออกไปหาลูกค้าใหม่ เพื่อรับทราบถึงความต้องการของลูกค้าว่า ต้องการจะทำอะไรในโลก online เช่น อยากได้การทำการตลาดแบบแนวรุก, การปรับตัวด้วยการใช้ Social Network ,การวางแผนที่ชนะคู่แข่ง ,ตอบโจทย์ลูกค้าในโลก Online ได้หมด อื่น ๆ ซึ่งหลังจาก Get Brief จากทางลูกค้าแล้ว ก็ต้องกลับมาประชุมทีมที่จะต้องแจ้งวัตถุประสงค์ของลูกค้าให้ทีมทราบ
จากบทความการรวบรวม Requirement ทั้งหมดของลูกค้า http://onlinemedia.idea2mobile.com/index.php/archives/1216
หัวข้อย่อย เช่น
1. Objective จุดประสงค์ของลูกค้า ?
2. Target Group ลูกค้าของเขาคือใคร ?
3. Competitor คู่แข่งเขาคือใคร ?
4. Brand Personal เขาคือใคร?
5. Key Message อะไรที่บ่งบอกว่าคือตัวเขา
6. Channel to promote ช่องทางก่อนหน้านั้นเขาใช้อะไร Promote
การ Get Brief Requirement อย่างย่อแบบนี้ คงไม่สามารถ out put เป็นคำตอบให้ลูกค้าได้ทั้งหมด จนกระทั้่งผมได้รับการเรียนรู้จาก Creative Director เขามาสอนอีกแง่มุมของการผลิตงานว่า ” ถ้าจะผลิตงานให้มีคุณภาพ ตอบโจทย์ทั้งหมดนั้น” อย่าเพิ่งด่วนสรุปจากลูกค้าที่ไป Get Brief มาเช่นลูกค้าเขาเชื่อว่าตัวเขาเป็น “ เราอย่าเพิ่งเชื่อว่าลูกค้าเขาเป็นเช่นนั้น ” เพราะมุมมองที่ลูกค้ามองมักจะมองมุมเดียว แต่ไม่ได้คำนึงถึง บุคคลภายนอกที่ได้มองเข้าไป การจะทำงาน idea ในการตอบโจทย์ มันมี 2 แนวทาง คือ
1. ถ้าเขาเชื่อว่าเขาเป็นแบบนั้นแล้ว แล้วเราผลักดันความเชื่อของเขา โดยทำสื่อ Brand ที่ไปกับเขาเลยก็จะได้งานแบบหนึ่งในสิ่งที่เขาเชื่อ กับ
2. เราเชื่อว่าส่วนที่เขาเชื่อ มันไม่ใช่สิ่งที่คิดว่าดี ควรจะนำเสนอแผนที่ไปทับจุดอ่อนเพื่อนำเสนอเป็น อีกทางเลือก Idea ให้ทางลูกค้าต้องตัดสินใจก่อนเพราะวัตถุประสงค์ของการทำ สื่อ Media ตาม objective ที่เราไปเก็บมานั้นเช่น ต้องการสร้างกลยุทธ์ เพื่อหายอดขายที่มาจาก Online , การทำ CRM , การสร้าง Brand Awareness อื่น ๆ เราต้องคำนึงไว้ก่อนว่า ก่อนหน้าที่เราจะเข้าไปพูดคุยนั้น ทางทีมลูกค้าเอง จะมักจะมีการหารือ สรุป Requirement ที่ต้องการมาแล้วส่วนหนึ่ง แต่อาจจะไม่ตอบโจทย์ทั้งหมด (เขาเองก็ยังอยากจะฟังจากคนที่ทำงานทางด้านนี้โดยตรง) จึงต้องการมืออาชีพเข้าไปช่วยทำสื่อให้ ถ้าเราไปตามกับลูกค้าทั้งหมดนั้นมันก็คงไม่ใช่ Professional Online ทางด้านนี้
แล้วจะทำอย่างไรที่จะตีโจทย์ข้อ ที่ 2 ให้ออกมาเป็นรูปธรรม ให้มากที่สุดที่จะสนับสนุนความเชื่อ ให้ลูกค้าตัดสินใจ
SWOT Analysis คือ การวิเคราะห์ตัวลูกค้าจากการไป Get Requirement ซึงต้องมาคุยกันว่าจุดแข็ง , จุดอ่อน, โอกาส, ความกังวล มันคืออะไรทั้งหมดของลูกค้า
1. Strengths จุดแข็งของลูกค้าประกอบไปด้วยอะไร
* กิจการของลูกค้า อะไรทำให้ลูกค้าเขาเอง คิดว่าที่นี่ดีเลิศ
* ทำไมลูกค้าเขาถึงได้มาใช้บริการ
* มีด้านใดที่คิดว่าคู่แข่งไม่มี
2. Weeknesses
* จุดนี้แหละ ลูกค้าส่วนใหญ่ มองไม่ออก หรือ จุดอ่อนจริง ๆแล้วเราคือไรกันแน่ในโลก Online เขาต้องการฟังจากเราจุดนี้
3. Opportunities
โอกาส ตาม Objective ที่ลูกค้าเราต้องการ เช่น สร้าง Brand Awareness การสร้างยอดขาย จะทำอย่างไรกับ โอกาส ความเป็นไปได้หรือไม่
4. Threats จุดที่ต้องกังวล กับ โอกาสที่จะไป เช่น ข้อกำหนดของกฏหมาย , การทำกิจกรรม หรือ เล่น กับ Brand ได้มากน้อยขนาดไหน
เมื่อตีโจทย์ทั้ง 4 ข้อออกมายังไม่พอการที่จะต้องลง Idea ต้องมาทำการบ้านเพิ่มเติมต่อ
1. Who : Target Group ที่ลูกค้าให้มา ใช่ทั้งหมดหรือไม่
2. Where : Target Group ทั้งหมดที่คัดมาแล้ว ในโลก Online เขาอยู่ที่ไหน
3. Why : ทำไม Target Group นี้ต้องมาซื้อสินค้าตัวนี็
4. What : อะไรที่ Target Group นี้ต้องการที่จะซื้อ
5. When : แล้วเมื่อไหร่ที่จะทำให้ Target Group นี้ซื้อ
เมื่อแตกประเด็นออกมาแล้ว แล้วเจอคำถามประมาณ นี้ ตัวอย่างการตั้งคำถามง่าย ๆ เช่น ทำไมลูกค้าต้องเข้ามาซื้อ Website นี้ ทำไม ไม่ไปซื้อ Website อื่น ๆเพราะอะไร ? ซึ่งถ้าไม่มีคำตอบ นั่นแหละครับ Weeknesses จุดอ่อนของโลก Online มันจะต้องหาทางแก้ไขก่อนว่าทำไม
จึงมีตัวแก้ปัญหาออกมา ว่าถ้าคนไม่รู้เราก็ควรจะ Educations ให้เขารู้ก่อน เมื่อรู้เป็น Knowledge ก็จะเกิดการ buy ต่อสินค้าได้เอง
เมื่อได้ทางออกของปัญหามาแล้ว นั่นแหละถึงได้มาลง Idea Creative ของ Campaign แต่ละตัว ว่าจะทำ Story เรื่องราวใด ๆ ในการสร้าง Educations เพื่อไปเสริม Week nesses ของลูกค้าเอง แล้วเราก็เอาจุดแข็งของลูกค้ามาเล่นอะไรบนโลก Online
จากการเรียนรู้จากทาง Creative Director ผมถึงได้บางอ้อ ว่า อือ Creative เขาคิดงานกันแบบนี้ ถึงได้ Idea ดี ๆ ในการตอบโจทย์ได้ตลอดจริง ๆ
