เป็นการสรุปเทรนด์ที่คนบนโลกออนไลน์ส่วนใหญ่จะรู้จักตู้เต่าบินกัน ไม่มากก็น้อย เลยคิดว่าจะขอเขียนมุมมองในส่วนของ Data Thinking ในการต่อยอดจาก Social Listening ซึ่งเอามาใช้กับ“ตู้เต่าบิน”, “ตู้กดกาแฟ”, “ตู้กดเครื่องดื่มที่มากกว่า 170 เมนู” จะเอามาต่อยอดในทางการตลาดได้อย่างไร ?
ตู้หยอดเหรียญ VS ตู้เต่าบิน
ความคุ้นเคยกับตู้หยอดเหรียญ ซึ่งเราคุ้นเคยกับการใช้บริการผ่าน Machine มาจำนวนหลากหลายตู้แล้ว แต่ “ทำไมตู้เต่าบิน” ถึงได้รับความนิยมกันมากกว่าตู้กดตู้หยอดเหรียญมากกว่า
Google Trends วัดพฤติกรรมคนที่สนใจ
ความน่าสนใจของ Google Trends บอกถึงแนวโน้มการเติบโตของตู้เต่าบิน ได้มากกว่า ตู้กดอื่น ๆ เช่นตู้เติมเงิน, ตู้หยอดเหรียญ
ความต้องการใหม่ (Demand Cafe กาแฟ+ กัญชา) ที่สำคัญคือเรารู้ความต้องการใหม่ผ่าน Google Trends ทีคนส่วนใหญ่ค้นหากันได้อีก
Data thinking ก่อนทำ Research
ก่อนที่จะทำ Research ควรจะเรียนรู้จากคนใกล้ตัว และ ตัวเราเองมากกว่า ซึ่งเราได้มองดูเพื่อน ๆ จาก Time line และ การไปกดที่หน้าตู้ เพื่อเรียนรู้ประสบการณ์ของตัวเอง คิดเห็นอย่างไร กับ ตู้เต่าบิน มุมมองที่ไปใช้บริการ
คิดเห็นอย่างไรกับ การใช้บริการโดยประสบการณ์ของตัวเอง
มาลองใช้ Data Thinking กับประสบการณ์คนบนโลกออนไลน์ ที่เกิดขึ้น จาก Social Listening ที่เรา Monitor ผ่านประสบการณ์ของคนทั่วไป
KOL Page หรือ Influencer ที่สามารถรับความคิดเห็นจากคนส่วนใหญ่ว่ากินแล้วรู้สึกอย่างไร
Facebook page กินไปเหอะ กับสมาชิกที่ติดตาม มากกว่า 7 แสนคน
Facebook page รีวิววนไป กับสมาชิกที่ติดตาม มากกว่า 9 แสนคน
ผลของคนส่วนใหญ่ที่ติดตามทั้ง 2 Page คะแนนบอกว่าสินค้าอร่อยดี
คำว่าอร่อยของคนเราไม่เท่ากัน คนชมได้ คนตำหนิก็มี
คิดต่อในมุมมองทางการตลาดของ Brands (Design Thinking)
สำหรับมุมมองทางการตลาดของ Brand ถ้าจะนำไปต่อยอดได้อีก
- เติมเงินออนไลน์ ได้ และ เติมเงินอื่น ๆ ได้อีก
- จ่ายค่าสาธารณูปโภคต่าง ๆ
- เก็บแบบสอบถาม
- หรือจัดอันดับ เมนูที่แนะนำแต่ละ Location ได้
- นำ Data ที่ขายดีมาทำ โปรโมชั่นได้
ทั้งหมดนี้คือสิ่งที่ไปเล่าในการตลาดวันละตอนวันที่ 25 มีนาคม ที่ผ่านมา
อย่าลืมติดตามการเล่าต่าง ๆ ได้ในครั้งต่อไป
พี่อ้วน