อุตสาหกรรมโฆษณาออนไลน์สหรัฐไปรุ่ง เติบโตแซงโฆษณาในหนังสือพิมพ์แล้ว

ที่มา : http://www.siamintelligence.com/online-industry-report-2010/

สมาคมโฆษณาบนอินเทอร์เน็ตของสหรัฐ (Internet Advertising Bureau) ออกรายงานสภาพการโฆษณาบนอินเทอร์เน็ตประจำปี 2010 ระบุว่าสัดส่วนของการโฆษณาออนไลน์ในสหรัฐเติบโตขึ้นจนแซงการโฆษณาในหนังสือ พิมพ์แล้ว

การเติบโตของอุตสาหกรรมโฆษณาออนไลน์

รายได้จากการโฆษณาผ่านอินเทอร์เน็ตในไตรมาสที่สี่ของปี 2010 อยู่ที่ 7.45 พันล้านดอลลาร์ เติบโตขึ้นจากไตรมาสเดียวกันของปีก่อน 15% ส่วนรายได้รวมตลอดปี 2010 อยู่ที่ 26 พันล้านดอลลาร์ เติบโตจากปีก่อน 15% เช่นกัน

การเติบโตขึ้นของอุตสาหกรรมโฆษณาออนไลน์เป็น 26 พันล้านดอลลาร์ต่อปี ทำให้ตอนนี้การโฆษณาออนไลน์มีส่วนแบ่งตลาดโฆษณาของสหรัฐสูงเป็นอันดับสอง รองจากโฆษณาทางโทรทัศน์เพียงอย่างเดียว และแซงหน้าอุตสาหกรรมหนังสือพิมพ์แล้ว

อุตสาหกรรมโฆษณาบนอินเทอร์เน็ตเติบโตขึ้นมาเรื่อยๆ ทุกปี เว้นแต่การหดตัวลงในปี 2009 เนื่องจากวิกฤตเศรษฐกิจของสหรัฐ แต่ก็กลับมาเติบโตดังเดิมในปี 2010

สภาพตลาดโฆษณาออนไลน์: Search ยังนำ, เครือข่ายโฆษณายังกระจุกตัว

เมื่อพูดถึงการโฆษณาบนอินเทอร์เน็ต คนส่วนมากมักนึกถึงการแปะป้ายโฆษณาหรือ “แบนเนอร์” (ซึ่งในวงการโฆษณาเรียกว่า Display Ad) แต่ในความเป็นจริงแล้ว ส่วนแบ่งของโฆษณาออนไลน์เกือบครึ่งมาจากการโฆษณาในหน้าผลลัพธ์การค้นหา ซึ่งนำโดย AdWords ของกูเกิลนั่นเอง

จากการเปรียบเทียบสัดส่วนของโฆษณาประเภทต่างๆ ในปี 2009-2010 จะเห็นว่าสัดส่วนของโฆษณาแต่ละชนิดไม่เปลี่ยนแปลงมากนัก นำโดย Search (46%) Display (24%) และ Classified (10%)

สำหรับส่วนแบ่งตลาดโฆษณาออนไลน์ของเครือข่ายด้านโฆษณาต่างๆ จากตัวเลขของ IAB จะเห็นว่าสัดส่วนเกือบ 80% ของตลาดยังมาจากผู้เล่นรายใหญ่เพียง 10 รายเท่านั้น (IAB ไม่ได้บอกว่า 10 รายมีรายใดบ้าง แต่อันดับต้นๆ ย่อมเป็นกูเกิลโดยไม่ต้องสงสัย ที่เหลือก็ควรจะเป็นเว็บใหญ่รายอื่นของสหรัฐ เช่น Microsoft, Yahoo!, AOL, Facebook เป็นต้น

ส่วนผู้ที่ลงโฆษณาบนอินเทอร์เน็ต อันดับหนึ่งมาจากธุรกิจค้าปลีกต่างๆ เช่น เสื้อผ้า เฟอร์นิเจอร์ ยา อัญมณี เครื่องสำอางค์ ที่เป็นการขายในร้านค้าปลีก ฯลฯ ตามด้วยธุรกิจโทรคมนาคมรวมถึงสื่อออนไลน์ และธุรกิจภาคการเงินการธนาคาร

โฆษณาแบบแบนเนอร์: วัดผลด้วยจำนวนคลิก

สำหรับการโฆษณาแบบป้ายแบนเนอร์หรือ display ad โดยทั่วไปมีการวัดประสิทธิภาพของโฆษณา 2 แบบคือ วัดตามจำนวนครั้งที่แสดง (impression) มักใช้หน่วยวัดเป็น CPM (Cost per Impression ราคาต่อการแสดงแบนเนอร์หนึ่งครั้ง) และแบบวัดตามอัตราการคลิกโฆษณา ซึ่งในระยะหลังการวัดตามอัตราการคลิกโฆษณาจะได้รับความนิยมมากกว่าอย่าง ชัดเจน เนื่องจากวัดผลได้ตรงกับพฤติกรรมของผู้บริโภคมากกว่า

จากตัวเลขเปรียบเทียบของปี 2009-2010 จะเห็นว่าการวัดผลตามการคลิก (Performance) เพิ่มขึ้นอย่างชัดเจน และถ้ามองสถิติย้อนหลังจะเห็นว่าการวัดผลตามการคลิกเติบโตขึ้นอย่างต่อ เนื่อง

โฆษณาออนไลน์ไทย: ตลาดยังเล็กและไม่สำคัญ

ถึงแม้ตลาดโฆษณาออนไลน์ในสหรัฐจะมีอนาคตที่สดใส และคงแซงโฆษณาทางทีวีได้ในอีกไม่กี่ปี แต่เมื่อมองย้อนดูตลาดโฆษณาออนไลน์ของประเทศไทย ยังถือว่าเล็กมากเมื่อเทียบกับตลาดโฆษณาโดยรวม

จากตัวเลขของ Nielsen สัดส่วนของโฆษณาบนอินเทอร์เน็ตในประเทศไทยมีเพียง 290 ล้านบาทเท่านั้น คิดเป็น 0.28% ของอุตสาหกรรมโฆษณาโดยรวม 1 แสนล้านบาท (อ่านข้อมูลสภาพตลาดโฆษณาไทยจากกิมเอ็ง โฆษณามีแนวโน้มสดใสหลังเติบโต 11.8% ในปี 53 ประกอบ) ถึงแม้จะเติบโตขึ้น 12% จากปีก่อนหน้าก็ตาม

ข้อมูลอ้างอิง

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *