1. ผู้บริโภคได้รับข้อมูลที่ดีมากขึ้น ครบถ้วนขึ้น
ผู้บริโภคสามารถค้นหาบริษัท เพื่อดูผลิตภัณฑ์ ราคา ความคิดเห็นของผู้บริโภคคนอื่น ๆ เกี่ยวกับบริษัทหรือผลิตภัณฑ์นั้น ๆ ได้
อีกทั้งยังสามารถเปรียบเทียบ ให้เห็นการขายผลิตภัณฑ์เดียวกัน ในราคาที่ต่ำกว่า
ดังนั้นบริษัทจะต้องทำให้ลูกค้าพึงพอใจในตัวผลิตภัณฑ์ ไม่เช่นนั้นลูกค้าอาจแสดงความคิดเห็น และแสดงมุมมองที่ไม่ดีต่อบริษัทได้
2. ในขณะเดียวกันนักการตลาดก็ฉลาดขึ้น
นักการตลาดมีข้อมูลมากขึ้นกว่าที่เคยมีในอดีต ซึ่งเป็นข้อมูลที่เกี่ยวกับความต้องการของตลาด คู่แข่ง ช่องทางการตลาด
นักการตลาดทุกวันนี้ยังสามารถเข้าถึง และรู้ข้อมูลที่เกี่ยวกับคู่แข่งมากขึ้น
เช่น โฆษณาหรือราคา ทำให้บริษัทสามารถปรับเปลี่ยนกลยุทธ์ได้ทันที
อีกทั้งนักการตลาดจะสามารถทำงานได้เร็วขึ้น เพราะมีการใช้ระบบการตลาดอัตโนมัติ เข้ามาช่วยทำงานมากขึ้นรวมถึงการซื้อโฆษณาจาก Facebook, Google และช่องทางอื่น ๆ เพื่อเพิ่มยอดขายให้ได้มากกว่าสมัยก่อน
3. อีคอมเมิร์ซจะเติบโตอย่างต่อเนื่อง
ผู้บริโภคสามารถซื้อสินค้าจากที่บ้านได้ และถึงแม้ว่ายอดขายในร้านจะมีสัดส่วนมากกว่ายอดขายออนไลน์ แต่ยอดขายออนไลน์กลับมีการเติบโตที่เร็วกว่าอย่างมีนัยสำคัญ
โดยเฉพาะในช่วงวิกฤติโรคระบาดที่ผ่านมา ทำให้แบรนด์และบริษัทต่าง ๆ ต้องทำงานและแก้โจทย์กันหนักมากขึ้น เพื่อดึงดูดลูกค้าให้เข้ามาหาแบรนด์
จากการเติบโตที่สำคัญนี้ ทำให้แบรนด์เริ่มหันมาขายสินค้าให้ลูกค้าโดยตรง โดยไม่ผ่านการฝากขายหน้าร้านแต่เปลี่ยนเป็นการเปิดร้านออนไลน์เป็นของตัวเองแทน
4. อนาคตของการตลาดรูปแบบใหม่ ได้แก่
– AI (Social, Digital, Algorithms)
– Marketing Automation
– Customer Journey Mapping
– Touchpoint Marketing
– Personas Marketing
– Content Marketing
– Influencer Marketing
5. “MarTech” หรือเทคโนโลยีการตลาด เป็นเรื่องสำคัญมากต่อจากนี้
อย่างการเข้ามาของ AI, ChatGPT และการตลาดเสมือนจริง จะเข้ามามีบทบาทในเรื่องของการตลาดมากขึ้น และเป็นเครื่องมือที่จำเป็นในการทำธุรกิจ
เช่น ปัญญาประดิษฐ์ (Al) และอัลกอริทึม
– สื่อดิจิทัลและโซเชียลมีเดีย
– การจดจำเสียงและใบหน้า
– Big Data และการเรียนรู้ของแช็ตบอต,
– AR และ VR เทคโนโลยีเสมือนจริง
– Intelligent Virtual Agents เอเจนซีการตลาดในโลกเสมือน
– เครื่องจักรอัตโนมัติ (หุ่นยนต์ โดรน ยานพาหนะที่ขับเคลื่อนด้วยตนเอง)
– ระบบเซนเซอร์ และ Internet of Things
6. ปัญหาโลกร้อนเป็นเรื่องที่สำคัญ
ที่ทุกคนต้องช่วยกันและบริษัทต้องหันมาใส่ใจความยั่งยืนมากขึ้น เช่น ลดการใช้พลาสติก การรีไซเคิล ลดการใช้รถยนต์ และลดการบินให้น้อยลง
พวกนี้จะเกี่ยวกับเรื่องความยั่งยืนที่คนสมัยใหม่ให้ความสำคัญมาก และจะมีอิทธิพลต่อการทำการตลาดมากขึ้นเรื่อย ๆ
7. หลักการสำคัญของการตลาดยุคใหม่ ได้แก่
– ตั้งเป้าหมายในการตอบสนอง หรือสร้างความพึงพอใจให้กับลูกค้า
– กลยุทธ์ 4A’s (รับรู้, เข้าถึง, ยอมรับ และความสามารถในการจ่าย)
– กลยุทธ์ 4P’s (สินค้า, ราคา, สถานที่ และโปรโมชัน)
– กลยุทธ์ 4C (บริษัท, ลูกค้า, ผู้ร่วมงาน และคู่แข่ง)
– การทำ STP การแบ่งส่วนตลาด, การกำหนดเป้าหมาย และการวางตำแหน่งของตัวเอง
– กลยุทธ์ 5A’s (สร้างการรับรู้, ดึงดูดความสนใจ, นำเสนอคำตอบของคำถาม เพื่อให้ลูกค้าตัดสินใจ, การตัดสินใจซื้อ และแนะนำให้เกิดการบอกต่อ)
– กระบวนการทางการตลาดเริ่มจาก:
Market Research -> การทำ STP (Segmenting-Targeting-Positioning)
-> Targeting Marketing -> Value Proposition -> Marketing Plan -> Implementing -> Control
8. คอนเซปต์หรือแนวคิดใหม่ ๆ ที่กำลังเข้าสู่โลกการตลาด ได้แก่
– Atmospherics บรรยากาศ
– Societal Marketing การตลาดที่เอาความต้องการของสังคมเป็นตัวตั้ง
– Demarketing การลดการทำการตลาด คือทำน้อย ๆ แต่มีประสิทธิภาพมาก ๆ
– Regenerative Marketing การตลาดที่ปรับแบรนด์ให้มีคุณค่าต่อสังคม
9. เทรนด์การตลาดในอนาคต
– ผู้ซื้อจะสามารถเลือกแบรนด์ที่ดีที่สุด โดยไม่ต้องพึ่งโฆษณาหรือพนักงานขาย
– ความสำเร็จทางการตลาดจะขึ้นอยู่กับ การกำหนดราคาที่ฉลาด การสร้างแบรนด์ที่แข็งแกร่ง และการมีช่องทางตลาดที่โดดเด่น
– ความครีเอทิฟทางการตลาดสำคัญ ต้องสร้างการตลาดเชิงประสบการณ์ให้ลูกค้ามีส่วนร่วม
– นักการตลาดจะใช้ประโยชน์จาก Customer Journey Mapping, Touchpoint Marketing, Personas, Content และ Influencer Marketing
พูดง่าย ๆ คือ นักการตลาดต้องรู้ลักษณะความต้องการของลูกค้า และต้องรู้จังหวะในการเข้าหาลูกค้าซึ่งตัวอินฟลูเอนเซอร์ และคอนเทนต์ของอินฟลูเอนเซอร์ จะมีส่วนสำคัญในการสื่อสาร
– AI และ Machine Learning จะมีส่วนเป็นอย่างมาก ในการระบุและวิเคราะห์หาคนที่มีโอกาสเป็นลูกค้าที่ดีที่สุด
ขอบคุณที่มา Brand Case